
ไขปริศนา..ซูเปอร์มูน – พายุสุริยะ กับ แผ่นดินไหว – คลื่นซึนามิ มาด้วยกันจริงหรือ?
กล้องดูดาวขนาดใหญ่ STEREO A HI2 ที่กำลังส่องบริเวณดาวศุกร์ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.57 ที่ผ่านมา ได้สามารถบันทึกวีดีโอภาพวัตถุปริศนาทรงกลมขนาดยักษ์ ที่ไม่สามารถอธิบายได้แน่ชัดว่าคืออะไร โดยวัตถุนั้น กำลังสร้างมีลักษณะคลื่อนไหวป้องกันตัวเอง จากความเสียหายของ พายุสุริยะ ในบริเวณดาวศุกร์
** ดูคลิป
จะสังเกตได้ว่า เนื้อหาที่เขียนย่อหน้าแรก ไม่ได้บอกให้ “เชื่อ” ในสิ่งที่เห็น แต่เพียงกำลังบอกกล่าวในสิ่งที่มีผู้ “พบ” ภาพผิดปกตินอกโลกระยะไกล ด้วยกล้องดูดาวขนาดใหญ่ ซึ่งระยะทางที่ไกลมากขนาดนั้น คงพิสูจน์แบบเราจับคลำด้วยมือคงเป็นไปไม่ได้
อาจเป็นแค่แสงและเงาก็เป็นได้ แต่ก็เป็นแสงและเงาจากดวงอาทิตย์ และดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล โบราณว่า รู้ใว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม เหมือนเราเถียงกันเรื่องไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ยกเหตุผลมาเท่าไร อีกฝ่ายก็คงไม่ยอม แต่ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า ไก่ และ ไข่ มีอยู่จริงๆ
เรื่องบางอย่างแม้เกิดในโลกมนุษย์เอง และพิสูจน์ย้อนไปหาคำตอบ 100 % ได้ยาก มนุษย์ก็ยังมีความเชื่อตามแต่ละบุคคลอยู่แล้ว เช่น เชื่อและนับถือศาสนาหนึ่ง เชื่อในชะตากรรม เชื่อหมอดู เชื่อประวัติศาสตร์ของชนชาติ แม้บางเรื่องแทบหาหลักฐานไม่ได้เลย
พายุสุริยะ (Solar storm) คือ ลมสุริยะที่พัดเร็ว หรือมีสนามแม่เหล็กเข้มข้นสูงมากกว่าลมสุริยะธรรมดา สิ่งนี้คือ CME (ปรากฎการณ์การพ่นมวลพลาสมาจากชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์) ความเร็วทั่วไปของ CME หรือ พายุสุริยะ อยู่ที่ 300 - 3,000+ กิโลเมตร/วินาที
ซึ่งการระเบิดออกมาดังกล่าว จะส่งสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นสูง , ประจุไฟฟ้าพวกอิเล็กตรอน, ไอออนของธาตุต่างๆ และรังสีอนุภาคโปรตอน 3,700 หน่วย (solar flux unit // sfu , คลื่นวิทยุ 10.7 ซม.เรียกง่ายๆ ว่า Solar flux ,ใช้บอกความเข้มสนามแม่เหล็กระดับพื้นผิวดวงอาทิตย์ )
องค์การนาซา เตือนว่าให้เฝ้าระวังการเกิดพายุสุริยะระดับ Super X-Class ที่รุนแรงที่สุด ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นในปี 2557 นี้ อาจส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดใช้การไม่ได้ และปรากฎการณ์ดังกล่าวจะร้ายแรง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2402 ที่พายุสุริยะได้ส่งผลกระทบอย่างหนักทั่วอเมริกาและยุโรป ทำให้สายโทรศัพท์ไหม้ทั่วทั้งทวีป
ปรากฎการณ์พายุสุริยะขั้นรุนแรงจะเกิดขึ้น 1 ครั้งในรอบ 100 ปี และหากเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ก็คาดว่า จะทำให้เกิดพายุหมอกควัน ปกคลุมในเมืองใหญ่ของยุโรป เช่น กรุงลอนดอน , ปารีส และนิวยอร์ก
ประเมินแล้ว พายุสุริยะดังกล่าว เป็นพายุสุริยะระดับธรรมดา จะมีอานุภาพเหมือนระเบิดนิวเคลียร์กลางอวกาศ คล้ายๆ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2532 ส่งผลให้เกิดภาวะไฟดับ กระทบทั่วแคว้นควีเบค ของแคนาดา แม้บรรดานักวิทยาศาสตร์ และ นักธรณีวิทยาทั่วโลก จะยืนยันตรงกันว่าแผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ เพราะแผ่นดินไหวเกิดจากเปลือกโลกเคลื่อนตัว มีการสะสมพลังแล้วปลดปล่อยออกมา บางครั้งอาจใช้เวลานานนับ 1,000 ปี ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่มนุษย์สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าไม่เกิน 1 นาที จึงไม่สามารถเตือนภัยได้ทัน แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ จะไม่ยอมจำนนต่ออะไรง่ายๆ มีการสร้างแนวคิดว่าระบบสุริยะ สามารถพยากรณ์แผ่นดินไหวได้ โดยมีเครือข่ายเป็นนักฟิสิกส์จากทั่วโลก เผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ โดยเฉพาะนักวิจัยจาก องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(NASA) โดยเชื่อมโยงให้เห็นว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนอกโลก หรือใน “ระบบสุริยะจักรวาล” ช่วยคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวช่วงใด
เมื่อดาวเรียงตัวกันอย่างน้อย 2 ชุด หมายความว่า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เรียงตัวในแนวเดียวกัน พร้อมๆ กับ โลก ดาวพฤหัส ดาวยูเรนัส ก็อยู่ในตำแหน่งเรียงตัวด้วย ทำให้เกิดพลังมหาศาลส่งมายังโลก และอาจเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบนโลกมนุษย์ อีกทั้งมีนักฟิสิกส์ สร้างแนวคิดที่สอดคล้องกันว่า ความแปรปรวนของพลาสมา บนชั้นบรรยากาศ และการแปรปรวนในอวกาศ เป็นลางบอกเหตุแผ่นดินไหว เพราะเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ "ไอโอโนสเฟียร์" (Ionosphere) ที่อยู่สูงจากโลกไป 50-500 กิโลเมตร มักเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ประมาณ 1-2 วัน จากนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดเกิน 6 ริกเตอร์ อธิบายตามหลักฟิสิกส์ได้ว่า พลังงานในชั้นนี้ มีความสัมพันธ์ระหว่างการแกว่งตัวของสนามแม่เหล็กโลก ดวงจันทร์ เป็นบริวารของโลก และหมุนรอบโลกตลอดเวลา มีวงโคจรเป็นรูปวงรี ดังนั้นระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ จึงแตกต่างกันไปแต่ละเดือน อยู่ช่วงระหว่าง 354,000 และ 410,000 กิโลเมตร
ซูเปอร์มูน (Supermoon) คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าใกล้โลก เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกๆ 13 เดือน 18 วัน เป็นประจำทุกปี โดยช่วงเวลาที่จะเห็นดวงจันทร์มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ประมาณ 10 -14 % และจะส่องสว่างกว่าค่ำคืนดวงจันทร์เต็มดวงทั่วไปถึง 30% ในช่วงพลบค่ำ หลังดวงอาทิตย์ตกดิน ดวงจันทร์จะมีส่องแสงสกาวเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั่วโลก รวมทั้งหลายพื้นที่ในประเทศไทย
ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์หลังการเกิดซูเปอร์มูน ภัยพิบัติรุนแรง และสภาพอากาศที่เลวร้าย เกิดขึ้นบนโลกในช่วงที่ใกล้เคียงก่อน หรือ หลังการเกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูน จากรายงานภัยพิบัติที่น่าสนใจระบุว่า

1.ในอดีตที่ มีการบันทึกไว้เพียงบางปี เช่น
- พ.ศ.2481 เกิดเหตุพายุเฮอริเคน ขึ้นพร้อม ๆ กับซูเปอร์มูน
- พ.ศ.2498 เกิดเหตุน้ำท่วมในฮันเตอร์วัลเลย์ ออสเตรเลีย ในช่วงซูเปอร์มูน
- พ.ศ.2517 พายุไซโคลนเทรซี่ ที่สร้างความเสียหายมหาศาลในเมืองดาร์วิน ออสเตรเลียเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับ ซูเปอร์มูน
2. ปี พ.ศ.2547
- วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ดวงจันทร์อยู่ในจุดที่อยู่ไกลโลกที่สุด เกิดแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรอินเดีย กระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิสูงราว 30 เมตร เข้าท่วมทำลายบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งโดยรอบมหาสมุทรอินเดีย ใน 14 ประเทศ ในไทยมีคนตายไป 5,000 คน ในต่างประเทศ ตายอีกราวกว่า 2 แสนคน
** น่าแปลกคือในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน ??
3. ปี พ.ศ.2551
- วันที่ 2 พฤษภาคม 2551 เกิดเหตุพายุไซโคลนนาร์กิสระดับรุนแรงสูง ส่งผลให้ชาวพม่าเสียชีวิตมากกว่า 130,000 คน ศพตายเกลื่อนไปหมดจนเก็บไม่ทัน
- วันที่ 12 พฤษภาคม 2551 กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าสะท้อนแสงผิดปกติ หลังจากนั้นไม่ถึง 30 นาที เกิดเหตุแผ่นดินไหว ที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ขนาด 7.8 ริกเตอร์ สั่นสะเทือนไปทั่วเอเชีย ไทย บังคลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน ต่างรับรู้ถึงแรงสั่นที่เกิดขึ้น มีผู้เสียชีวิต 68,516 คน บาดเจ็บ 365,399 คน และสูญหาย 19,350 คน
** ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ของชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ ที่อยู่สูงจากโลกไป 50-500 กิโลเมตร
- วันที่ 12 ธันวาคม 2551 เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน
4. ปี พ.ศ.2553
- วันที่ 12 มกราคม 2553 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ กรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศเฮติ ตายราว 4 แสนราย ได้รับบาดเจ็บ 3 แสนคน และอีก 1,000,000 ไม่มีที่อยู่อาศัย บ้านเรือน 250,000 หลัง และอาคารพาณิชย์อีกกว่า 30,000 หลัง พังทลายหรือเสียหายอย่างหนัก ทำเนียบรัฐบาลพังถล่ม
- วันที่ 13 มิถุนายน 2553 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ริกเตอร์ ในมหาสมุทรอินเดีย และ ขนาด 6.0 ริกเตอร์ ในทะเลอันดามัน แรงสั่นสะเทือนไปไกลกว่า 1,000 กม. ชาวบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เกือบ 2,000 คน อพยพออกมาจากหมู่บ้านเพราะกลัวคลื่นยักษ์สึนามิ
** น่าแปลกคือก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ วันที่ 7 มิถุนายน 2553 เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน และยังเกิดดาวเรียงตัวกันอย่างน้อย 2 ชุด
- วันที่ 4 กันยายน 2553 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริกเตอร์ ได้ทำลายเมืองไครสต์เชิร์ช และเขตเมืองแคนเทอเบอรี่ นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เมืองถูกทำลายบริเวณกว้าง และมีผู้บาดเจ็บ
** ในแผ่นดินไหวนิวซีแลนด์ ครั้งนี้ ไม่พบการบันทึกซูปเปอร์มูน , การเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ของชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ หรือ ดาวเรียงตัวกันอย่างน้อย 2 ชุด
5. ปี พ.ศ.2554
- วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์ เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ มีผู้เสียชีวิตจำนวนทั้งหมด 185 คน ยอดของวิหารโบสต์ไครส์เชิร์ชหัก และเสียหายเป็นวงกว้าง
- วันที่ 11 มีนาคม 2554 ดวงจันทร์อยู่ใกล้จุดที่อยู่ไกลโลก เกิดแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิ ที่ญี่ปุ่นตายไปกว่า 14,000 ราย , ในไทยราว กรกฎาคม 2554 เกิดมหาอุทกภัย รุนแรงที่สุด น้ำท่วมทั้งประเทศ นครสวรรค์ โคราช อยุธยา ปทุม กทม. และแทบทุกจังหวัด อ่วมหนัก ไทยเสียหายยับเยิน ตั้งแต่สร้างประเทศมา
** น่าแปลกคือในอีกไม่นานต่อมา วันที่ 19 มีนาคม 2554 เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน
- วันที่ 13 มิถุนายน 2554 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2 ครั้ง ขนาด 5.6 ริกเตอร์ และ 6.3 ริกเตอร์ เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ ส่งผลให้ดินเกิดการสลายตัว และสร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้น แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
- วันที่ 23 ธันวาคม 2554 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ริกเตอร์ เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยทั้งที่บ้าน และ ตามสถานธุรกิจ ทั้งไฟฟ้าและการประปาหยุดให้บริการที่เมืองนิวบริทัล และเขตเมืองปาร์คแลนด์เสียหายรุนแรง รวมทั้งถนนและทางเท้า
** ในแผ่นดินไหวนิวซีแลนด์ปลางและปลายปีนี้ ไม่พบการบันทึกใดๆ
6. ปี พ.ศ.2555
- วันที่ 2 มกราคม 2555 เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง ขนาด 5.1 – 5.5 ริกเตอร์ เป็นเหตุให้ไฟฟ้าทางฝั่งชานเมืองไครสต์เชิร์ช ตะวันออก นิวซีแลนด์หยุดให้บริการ ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนบริเวณโดยรอบ จำนวนกว่า 10,000 หลังคาเรือน
ตึกมากกว่า 1000 ตึก ย่านธุรกิจใจกลางเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของกลุ่มตึกทั้งหมดบนถนน 4 สายหลักถูกทำลายลงเพราะเหตุแผ่นดินไหว ส่วนตึกเล็กหลายตึกยังคงรื้อถอน หรือรอตัดสินใจว่าจะรื้อถอนหรือไม่ต่อไปในอนาคต
** ในแผ่นดินไหวนิวซีแลนด์นี้ ไม่พบการบันทึกใดๆ
- วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน
7. ปี พ.ศ.2557
- วันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ประชาชนในกรุงเทพฯ พบเห็นพระอาทิตย์ทรงกรดตั้งแต่เช้าถึงบ่าย และช่วงเย็นก่อนแผ่นดินไหว พบท้องฟ้าและเมฆเป็นสีทองสุกสว่างแปลกตาเป็นอย่ามาก จากนั้นค่วงใกล้ค่ำจึงเกิดเหตุแผ่นดินไหว จ.เชียงราย ของไทย ขนาด 6.4 ริกเตอร์ รุนแรงที่สุดในรอบ 1,000 ปี ของไทย และมีอาฟเตอร์ช้อคตามมาอีกกว่า 900 ครั้ง อาคาร บ้านเรือน วัด หลายแห่งพังทลาย มีผู้บาดเจ็บราว 20 กว่าคน
- วันที่ 9 พฤษภาคม 2557 พบโซลาร์แฟลร์ หรือการลุกจ้าของดวงอาทิตย์ครั้งใหญ่ เห็นมวลสุริยะขนาดมหึมา ที่พุ่งออกมาจากพื้นผิวดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วสูงราว 1.5 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยขนาดของพายุสุริยะระลอกนี้ เมื่อเทียบกับโลกแล้วใหญ่กว่าโลกราว 5 เท่า
- มิถุนายน 2557 พบปรากฎการณ์เมฆอาคัสรูปขนมโดนัท ในหลายจังหวัดของไทยทั่วทุกภาค และที่เชียงใหม่ ได้เกิดปรากฏการณ์ทินดอลล์ (Tyndall Effect) เมื่อแสงอาทิตย์ผ่านไปในสารคอลลอยด์บางชนิด อนุภาคคอลลอยด์ จะกระเจิงแสงและทำให้มองเห็นเป็นลำแสงส่องเป็นลำไฟฉายลงมา จากท้องฟ้าสู่พื้นดิน
** ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ของชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ ที่อยู่สูงจากโลกไป 50-500 กิโลเมตร , สนามแม่เหล็กโลก และ ไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ
- สิงหาคม 2557 นักวิทยาศาสตร์ไทย ประจำองค์การนาซา ระบุจะมีดาวเรียงตัวกันของดาวเคราะห์ที่สำคัญ 3 ช่วงเวลาได้แก่ ระหว่างวันที่ 8 - 11, 15 - 18 และ 23 - 27 สิงหาคม 57 จะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ มีปฏิกริยามากเป็นพิเศษ และเป็นช่วงที่โลก จะมีผลกระทบ ในรูปแบบของภัยธรรมชาติ
เช่น แผ่นดินไหว , ภูเขาไฟระเบิด , พายุ , ดินถล่ม , หลุมยุบ , ไฟฟ้าดับ และ ไฟฟ้าช็อต (ในสภาพอากาศปกติ) โดยความสัมพันธ์ดังกล่าวของพลังงานไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ จะมีสัมพันธ์กันกับสนามแม่เหล็กโลก แวนอลันเบลล์ , ไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ ที่พื้นผิวโลก ใต้พิ้นผิวโลก ไฟฟ้าในชั้นหลอมเหลวโลก – แม็กม่า

เท่าที่ติดตามสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติบนโลกช่วงต้นเดือน สิงหาคม 2557
- ต้น สิงหาคม 2557 โคลนถล่มฝั่งกลบหมู่บ้าน รัฐมหาราษฎระ ของอินเดีย ตาย 109 ราย
- วันที่ 3 สิงหาคม 2557 แผ่นดินไหว ที่ยูนนานของจีน ขนาด 6.1 ริกเตอร์ ตายกว่า 600 ราย เจ็บเกือบ 3,000 ราย
** น่าแปลกคือในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา วันที่ 10 สิงหาคม 2557 เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน
- วันที่ 7 สิงหาคม 2557 มีรายงานว่าชาวประมงไทย จับปลาทู และสัตว์ทะเล ได้จำนวนมากหนีน้ำลึกมาน้ำตื้น มากกว่าปกติประมาณ 10 เท่า ทุกคนบอกว่า จับจนไม่ไหวเพราะมากมายเหลือเกิน
- วันที่ 8 สิงหาคม 2557 เกาะฮาวาย ของอเมริกา จู่ๆ เกิดพายุเฮอริเคนยักษ์ 2 ลูก มุ่งหน้าถล่มฮาวาย เกิดน้ำท่วมใหญ่บนเกาะ ต้องอพยพผู้คนหนี , พม่า มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ในภาคกลาง ผู้คนเกือบ 15,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตัวเอง ไปอยู่ค่ายพักชั่วคราว 38 แห่ง กระทบต่อเกษตรกร ปศุสัตว์ และพื้นที่เพาะปลูกมากกว่า 6,000 ไร่
- วันที่ 9 สิงหาคม 2557 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ ในอินโดนีเซีย
- วันที่ 10 สิงหาคม 2557 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ บริเวณจังหวัดอาโอโมริ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น , และแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ริกเตอร์ หมู่เกาะฟิลิปปินส์ , พายุโซนร้อนหะลอง จากมหาสมุทรแปซิฟิก เคลื่อนตัวเข้าโจมตีญี่ปุ่นอย่างหนัก ต้องอพยพประชาชน 2 ล้านคน หนีภัยธรรมชาติ และระงับเที่ยวบิน 300 เที่ยว
** วันที่ 10 สิงหาคม 2557 เกิดซูเปอร์มูน มองเห็นได้ทั่วโลก และในไทย ดวงจันทร์จะโคจรมาเข้าใกล้โลกที่สุดในรอบปีที่ระยะห่าง 3.56 แสน กม.
ดังนั้นพอสรุปเบื้องต้นได้ว่า ระหว่างวันที่ 8 - 11 ส.ค.57 ซูปเปอร์มูน , ดาวเรียงตัวกันอย่างน้อย 2 ชุด และ พายุสุริยะสนามแม่เหล็กโลก , ไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ พื้นผิวโลก ใต้พิ้นผิวโลก ในชั้นหลอมเหลว ตรงตามการคาดการณ์ไว้ คือ มีภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายแห่งบนโลก รวมทั้งภาคอีสานของไทย ที่ยังมีน้ำท่วมอยู่
- วันที่ 12 สิงหาคม 2557 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริกเตอร์ ที่เมืองหลวงของเอกวาดอร์ กินเวลานานกว่า 20 วินาที ตาย 2 เจ็บ 8 คน อีก 3 คนร่อแร่ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 5 กิโลเมตร ใกล้กับเมือง มินตัด เดล มุนโด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง บริเวณเส้นศูนย์สูตร และเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ระบุจุดที่โลกถูกแบ่งออกเป็นขั้วเหนือและ ใต้..เป็นจุดแบ่งสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง
** น่าแปลกคือก่อนหน้านี้ 2 วัน เกิดปรากฏการณ์ซูเปอร์มูน
- วันที่ 13 สิงหาคม 2557 เวลาประมาณ 01:00 - 04:00 น. มีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseid) บนท้องฟ้า ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จุดศูนย์กลางการกระจายอยู่บริเวณระหว่างกลุ่มดาวค้างคาว และกลุ่มดาวเพอร์เซอุส
ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ มีความสว่างเป็นอันดับสอง รองจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ เกิดจากเศษฝุ่นละอองที่ดาวหาง สวิฟท์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) เหลือทิ้งไว้ในวงโคจรเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อโลกโคจรผ่านเข้าไปบริเวณที่มีเศษฝุ่นเหล่านี้ จะดึงดูดเศษฝุ่นเหล่านี้เข้ามาในชั้นบรรยากาศ
ถึงแม้ว่าเศษฝุ่นของดาวหาง สวิฟท์ - ทัตเทิล จะถูกทิ้งไว้เป็นเวลา 20 ปีแล้ว แต่เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านี้ ก็ยังทำให้ชาวโลกได้เห็นดาวหางลุกไหม้เป็นแสงสว่างวาบ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึง 75 - 100 ดวงต่อชั่วโมง
- ระหว่างวันที่ 15 – 18 ส.ค.57 ต้องรอดูผลว่าจะเกิดอะไร ? ที่พื้นที่ใดบ้าง ?
- ระหว่างวันที่ 23 - 26 ส.ค.57 เวลาห่างจากซูเปอร์มูนเมื่อ 10 ส.ค.57 ราว 2 สัปดาห์ เป็นช่วงดาวเรียงตัวกันอย่างน้อย 2 ชุดพอดี และ อิทธิพลจากพายุสุริยะ กับ สนามแม่เหล็กโลก..ส่วนจะเกิดเหตุการณ์อะไร เหมือนปี 2547 , 2551, 2553, 2554, 2555, 2557 ที่ผ่านมาหรือไม่ ?..ต้องรอดูผลว่าจะเกิดอะไร ? พื้นที่ใดบ้าง? เพราะไม่สามารถทราบแน่นอนล่วงหน้า
ข้อมูลทั้งหมดต้องขอขอบคุณนักวิทยาศาสตร์ไทย-ต่างชาติ และผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ที่ได้รวบรวมเก็บเป็นบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ และได้สร้างแนวคิดทางเลือกใหม่ ที่ทำให้เห็นว่ามนุษย์เองไม่มีวันจนมุมกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว อย่างน้อยก็ทำให้การคาดการณ์ภัยพิบัติล่วงหน้า ถูกต้อง มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่ได้บอกให้เชื่อว่าต้องเกิด แต่แนะนำให้ประชาชนควรติดตาม การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ช่วงที่ระบุมากเป็นพิเศษ ด้วยความไม่ประมาท ปรากฎการณ์ธรรมชาติแผ่นดินไหว และ คลื่นสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่นเขามีระบบเตือนล่วงหน้าทาง SMS เข้าโทรมือถือ ราว 1 นาที แต่ไทยเราไม่เคยมีระบบเตือนภัยแบบนี้
ก็อาศัยความรู้บ้านๆ ทางดาราศาสตร์ ทางฟิสิกส์ และธรณีวิทยา จากการสถิติความน่าจะเป็นของผู้รู้สาขาต่างๆ แบบนี้แหละ มาให้วิเคราะห์เตือนให้ประชาชนระมัดระวัง..ไม่ได้ต้องการชี้นำ หรือผูกโยงเหตุการณ์ แต่นำเหตุการณ์ที่เกิดจริงๆ แต่ละช่วงเวลาตามวันที่ สถานที่ มาเรียงลำดับแยกแยะใหม่ให้เห็นเท่านั้น..สิ่งที่เราทำได้คืออ่านเล่นเป็นสัน ทนาการเชิงความรู้ และเฝ้าระวังรอดูแบบมีสติเท่านั้น
สิ่งที่ต้องการคือไม่อยากให้เกิดภัยพิบัติจะเป็นสิ่งดีที่สุดแล้ว ไม่อย่างให้คนชาติใดสักคนต้องตายหรือเจ็บ แต่ถ้าเกิดจริงก็สามารถอธิบายความเชื่อมโยงเหตุการณ์ โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์บางแนวคิดได้ เพราะเรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริงในโลก ทุกอย่างล้วนพรมลิขิตไว้แล้ว แต่เราจะรู้ที่มาของเหตุนั้นหรือไม่เท่านั้น
ตามคำกล่าวที่ว่า..ผู้ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ย่อมตามืดบอด และ การรู้อะไร บางครั้งย่อมเป็นทุกข์ แต่การไม่รู้อะไรเลย กลับเป็นทุกข์เสียยิ่งกว่า !!
วันที่ 13 ส.ค.57 @ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai
No comments:
Post a Comment