การปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูกัด ( ฉบับลบล้าง ความเชื่อผิด ๆ ) Part 1
http://66mynameis99.blogspot.com/2014/08/part-1-snake.htmlเอาล่ะครับ มาเข้าเรื่องการปฐมพยาบาลกั
“การปฐมพยาบาล” เป็นแค่การประคับประคองผู้ป่วยก่อนส่งเข้าโรงพยาบาล เท่านั้นนะครับ มัน “ไม่ใช่การรักษา” ซึ่งสำหรับการปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูกัด เป้าหมายก็คือการ “ชะลอการดูดซึมพิษ” เพื่อซื้อเวลาให้ผู้ป่วยสามารถไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงทีครับ
และสิ่งที่ต้องบอกอีกอย่างก
ซึ่งผมเองก็เรียนรู้วิธีมาจ
--------------------------
แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาอ่าน
1. ตั้งสติ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
สำคัญมากครับ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่พึงระลึกไว้เสมอครับ เมื่อเราแตกตื่น อะไรๆก็จะไม่เป็นไปตามที่เร
2. จำแนกงู (ถ้าทำได้จะดีกว่า มาก)
แน่นอน มีผลต่อทั้งการรักษาและการป
3. ดูอาการ ไม่ใช่รอยเขี้ยว (ในกรณีที่จำแนกงูไม่ได้)
การจะรู้ได้ว่าเป็นงูพิษหรื
สิ่งที่สำคัญคือ “อาการ” หลังจากถูกกัดครับ อาการปวดของงูพิษกัดจะ “ไม่เหมือนกับของมีคมบาด” ครับ เวลาถูกของมีคมบาดมันจะปวดต
แต่ถ้าหากเป็นงูพิษกัด จะเป็นอาการ “ปวดร้อน” เหมือนถูกไฟหรือน้ำร้อนลวก และทรมานกว่าอย่างชัดเจนครั
(ยกเว้นในกรณีของงูตระกูลงู
4. หยุดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเ
การเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนที่
และในกรณีที่ถูกงูพิษทำลายร
5. ใช้ผ้ายืด หรือผ้าที่มีความยืดหยุ่นพอ
ผ้าที่ใช้ควรมีความกว้าง 10-15 เซนติเมตร (4นิ้ว) มีความยืดหยุ่น และยาวพอที่จะพันทั้งอวัยวะ
ทั้งหมดนี้เพื่อชะลอการดูดซ
ส่วนระบบเลือดนั้นดูดซึมช้า
(แต่ถ้าขันชะเนาะ งูไม่มีพิษกัดก็อาจจะต้องตั
6. ดามอวัยวะที่ถูกกัดด้วยของแ
ไม้ ท่อแป๊ป ของแข็งๆยาวๆที่พอจะดามให้ข
7. พาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
การปฐมพยาบาลแค่ชะลอ แต่ไม่สามารถทำลายพิษงูได้ เพราะฉะนั้นเมื่อทำทุกอย่าง
--------------------------
แน่นอนว่าหลายๆคนอ่านมาถึงต--------------------------รงนี้อาจคิดว่า จะไปทำได้ทำเป็นมั้ยวะ? ผมก็ตอบเลยครับว่ามันยาก และเป็นการประคับประคองเท่า นั้น แต่สรุปคร่าวๆ ก็คือ
1.อย่าทำอะไรที่ไม่ควรทำ (อ่าน Part 1)
2.ลดการเคลื่อนไหวให้ได้มากที่สุด
3.พาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
คงมีหลายๆคนถามว่าแล้วถ้าถู
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเล
"น้องงู" ที่พบได้ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
ใน
ช่วงหน้าฝนนี้มีประชาชนโทรเข้ามา ส่งอีเมล ส่งข้อความใน inbox
หรือเดินทางมาซักถามด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องงู กับทางสวนงู สถานเสาวภา
กันมาก รวมกับที่มีข่าวจากสื่อต่างๆ รายงานว่าในช่วงนี้พบงูบ่อยมากขึ้น
ว่าเเล้ว...ทางสวนงูก็เลยขออาสามาเเนะนำน้องงูชนิดต่างๆ ที่เรามีโอกาสพบได้ในเขตกรุงเทพฯเเละปริมณฑล ให้ทุกคนได้รู้จักกัน โดยเเบ่งเป็นกลุ่มๆ คือ
1. งูพิษเขี้ยวหน้า คือ งูพิษที่มีเขี้ยวพิษอยู่ทางด้านหน้าของขากรรไกรบน มักเป็นงูพิษที่มีพิษร้ายแรง สามารถแบ่งได้เป็นงูพิษที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ระบบเลือด และกล้ามเนื้อ
2. งูพิษเขี้ยวหลัง คือ งูพิษที่มีเขี้ยวพิษอยู่ด้านในของขากรรไกรบน มักเป็นงูที่มีพิษไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่ทำให้เกิดอาการปวด ยกเว้นเฉพาะ งูลายสาบคอเเดง ที่มีรายงานว่ามีพิษค่อนข้างร้ายเเรง
3. งูไม่มีพิษ คือ งูที่ไม่มีเขี้ยวพิษ แต่ยังคงมีฟันที่แหลมคมเป็นจำนวนมาก บางครั้งสามารถทำให้เกิดบาดแผลที่มีเลือดออกมากได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครไปเจอน้องงูโดยบังเอิญ ไม่ว่าจะมีพิษหรือไม่มีพิษก็ตาม ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปจับหรือทำร้ายพวกเขาเลย ถ้ากลัวหรืออยากให้น้องงูออกจากบ้าน ก็หาไม้ยาวๆ(เมตรหนึ่งขึ้นไป)มาไล่เค้าไป(ในกรณีที่เป็นงูที่ไม่มีพิษ) หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการจับ งู(ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ)ให้เขามาช่วยจับงูให้จะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและน้องงู
ปล. เวลาเจอน้องงูก็อย่าตื่นตระหนกตกใจกันมากจนเกินไป ขอให้ทุกคนตั้งสติเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้รับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง สุดท้ายนี้ ก็อย่าลืมว่า "เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้องงูได้อย่างปลอดภัย" นะ
1. งูพิษเขี้ยวหน้า คือ งูพิษที่มีเขี้ยวพิษอยู่ทางด้านหน้าของขากรรไกรบน มักเป็นงูพิษที่มีพิษร้ายแรง สามารถแบ่งได้เป็นงูพิษที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ระบบเลือด และกล้ามเนื้อ
2. งูพิษเขี้ยวหลัง คือ งูพิษที่มีเขี้ยวพิษอยู่ด้านในของขากรรไกรบน มักเป็นงูที่มีพิษไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่ทำให้เกิดอาการปวด ยกเว้นเฉพาะ งูลายสาบคอเเดง ที่มีรายงานว่ามีพิษค่อนข้างร้ายเเรง
3. งูไม่มีพิษ คือ งูที่ไม่มีเขี้ยวพิษ แต่ยังคงมีฟันที่แหลมคมเป็นจำนวนมาก บางครั้งสามารถทำให้เกิดบาดแผลที่มีเลือดออกมากได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครไปเจอน้องงูโดยบังเอิญ ไม่ว่าจะมีพิษหรือไม่มีพิษก็ตาม ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปจับหรือทำร้ายพวกเขาเลย ถ้ากลัวหรืออยากให้น้องงูออกจากบ้าน ก็หาไม้ยาวๆ(เมตรหนึ่งขึ้นไป)มาไล่เค้าไป(ในกรณีที่เป็นงูที่ไม่มีพิษ) หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการจับ งู(ทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ)ให้เขามาช่วยจับงูให้จะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและน้องงู
ปล. เวลาเจอน้องงูก็อย่าตื่นตระหนกตกใจกันมากจนเกินไป ขอให้ทุกคนตั้งสติเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้รับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง สุดท้ายนี้ ก็อย่าลืมว่า "เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้องงูได้อย่างปลอดภัย" นะ
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก : https://www.facebook.com/pagetanbabasnake , https://www.facebook.com/pages/Snake-Farm-QSMI/1423989014485516?sk=timeline
No comments:
Post a Comment