เอนทรี่ นี้ เขียนไว้แนะนำ พ่อค้า แม่ขาย ในยุคอะไร ๆ ก็ ออนไลน์ ทำมาค้าขายทางเว็บไซค์ ซึ่งนอกจากเรามีสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว แต่สิ่งที่ต้องมานั่งกลัดกลุ้มใจ ก็คือ "ภาพสินค้า" ที่สวยงาม และทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อถึงระดับหนึ่งของการค้าขายออนไลน์ คงจะหลีกหนีไม่พ้นการมี เว็บไซค์ เป็นของตนเอง แล้วจะถ่ายภาพสินค้ายังไงดีล่ะ ให้ดูเป็นมืออาชีพ ครั้นจะเอาภาพที่โพส ๆ กันแนว Street fashion ใน page facebook มาแสดง มันก็ดูรกตา ไม่ค่อยเหมาะกับ เว็บไซค์ ของเราเลยใช่มั้ยล่ะ
เมื่อค้น ๆ หา ๆ ความสามารถ ของตัวเองแล้ว ก็พบว่า เรามีระดับความรู้ความสามารถในการใช้ Photo Shop ระดับหางอึ่งเท่านั้นเอง ... แล้วทีนี้ จะทำยังไงดี จะไปซื้อหนังสือมาอ่าน กว่าจะได้ขายของโน้น ลูกบวช ไปแล้ว กว่าจะใช้งานเป็น ฮาาา .... ปกติ ผมจะใช้ โปรแกรม Photo Scape ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรี สำหรับการ edit ภาพต่าง ๆ แต่มันก็ยังไม่ตอบโจทย์จนจบกระบวนการเท่าไหร่นัก
ผมมี โปรแกรม ดี ๆ มาแนะนำ ครับ ซึ่ง เป็นโปรมแกรมที่ช่วยทำให้ภาพพื้นหลังเป็นสีขาว ได้อย่างสบาย ๆ ไม่ยาก และแน่นอน มันฟรี มีภาษาไทย ด้วย โอ้ววว .... มันยอดมาก ใช่มั้ยล่ะ
ก่อนที่เราจะทำให้ภาพสินค้าของเรามีพื้นหลังสีขาว เราต้องเตรียมภาพดังนี้ครับ
1 ถ่ายภาพ สินค้าของเรา บนฉากพื้นหลังสีขาว
2 ถ่ายจากแสงที่ดีที่สุด และถ่ายให้"ชัด"ที่สุด
แค่นี้เอง .... ส่วนองค์ประกอบภาพ คงไม่อธิบายนะครับ
ภาพตัวอย่าง ที่ผมสินค้าของผม คือ กระเป๋าเป้หนังวัวแท้ The IRON โดย ฉากพื้นหลัง ใช้เพียงกระดาษขาว และแสงธรรมชาติ ตอน 10 โมงเช้า โลเกชั่น แน่นอน มันต้องตรงหน้าต่างครับ เปิดม่านกว้าง ๆ แดดตอนนี้ แสงนวล และไม่เข้มจนเกินไป
ปล. ให้ตายเถอะ ... นี่ กระดาษสีขาวนะ แต่ทำไม มันออกสีฟ้าล่ะ โอ้วว นี่แหละ ปัญหา จะไปแก้สีที่ Photo scape ก็จะพาลทำให้สีกระเป๋า ผิดเพี้ยนไปอีก
เริ่มเลย
เข้าเว็บไซค์นี้ครับ https://pixlr.com/editor/
เปิดเว็บไซค์
หน้าแรกของ https://pixlr.com/editor/ ภาษาไทย !!! เริ่มง่ายแล้วใช่มั้ยล่ะ ^^
เปิดภาพจาก คอมพิวเตอร์
1 ทำการเปิด file ภาพของเราจากในเครื่องได้เลย แนะนำให้ใช้ภาพต้นฉบับก่อน อย่าเพิ่งไป Re-size นะครับ
เมื่อเปิดภาพมาแล้ว จะออกมาลักษณะนี้
ขั้นตอน A : คลิ๊กเลือกสีที่เราต้องการจะปรับเลยครับ .... สีขาวใช่มะ จัดไป
A : เลือกสีที่ต้องการ โดยกดที่เฉดสี บนวงกลมด้านบน เลือกตำแหน่งที่ขาวที่สุด แล้วมาปรับ L ให้ถึง 100
B : เช็ค Code สีได้เลยครับ Code สีขาวคือ ffffff ( สำหรับกรณี ที่เราต้องการให้พื้นหลังของสินค้า ตรงกับพื้นหลังของเว็บไซค์ ซึ่งอาจจะเป้นสีอื่น ก็สามารถนำโค้ทสีมาวางไว้ได้เลย มาตรฐานเดียวกันครับ )
C : กด ตกลง
A : สังเกตุว่า ขณะนี้ สีขาวได้ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว เพื่อรอขั้นตอนการกำหนดสีบนพื้น
B : เลือกประเภทของแปรง เพื่อระบายสีกันก่อน
จากภาพ เราจะเห็นว่า องค์ประกอบภาพยังรกอยู่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมตั้งใจจะใช้ภาพนี้ครับ เพื่อให้เห็นกันทำงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แนะนำว่า เมื่อถึงขั้นตอนการทำงานจริง ควรถ่ายให้ได้องค์ประกอบที่สบบูรณ์ หรือ คร็อปภาพ เฉพาะสินค้าที่ต้องการดีกว่า จะได้ไม่เหนื่อย และมากขั้นตอน
A : คลิ๊กเลือก รูปแบบของแปรง ก่อนครับ ขั้นตอนนี้ ผมใช้รูปแบบวงกลม และขอบสีไม่ฟุ้ง เพื่อใช้ระบายในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวกับรูปสินค้า หรือช่วงสีพื้น
B : ปรับขนาดพื้นที่ขนาดของแปรง เพื่อจะได้ไม่เหนี่อย
A : ได้ขนาดของแปรง ก็จัดการระบายเลยครับ
B : คราวนี้ก็คลิ๊กตรงนี้ เพื่อเทสี ได้เลยครับ
Ctrl+Z = Undo << หากระบายสีผิดพลาด ซึ่งผิดพลาดบ่อยในขั้นตอนนี้
ขั้นตอนนี้ ละเอียดอ่อนนิดนึง ตามลำดับนะครับ
A : คลิ๊กเลือกแปรงสี ประเภทแบบเท
B : ความทืบ ... อัดไป เต็ม 100 ครับ
C : ความยอมรับ.... ขึ้นอยู่กับความสลับซับซ้อนของภาพ รวมถึงความคมชัด และความต่างแสงของภาพ หากตั้งไว้อ่อน (คือตัวเล็กน้อย) ปริมาณของสีที่เทลงไป จะลงไม่ค่อยครอบคลุม หรือ หากตั้งไว้แก่ ( คือตัวเลขเยอะ) ก็จะทำให้สีที่เทลงไป กลบทับ สีของสินค้าได้ ... ผมตั้งไว้ที่ 15 ครับ
D : เคอร์เซ่อร์ กระป๋องสี คลิ๊กเท ลงในตำแหน่งต่าง ๆ ที่เราต้องการให้เป็นสีขาว
ปล. คอยสังเกตุทุก ๆ ครั้งในการเทนะครับ ว่าสีมันไปเลอะส่วนไหนของภาพสินค้าหรือไม่
เมื่อเทสี ลงในตำแหน่งที่เราต้องการให้เป็นพื้นขาวแล้ว ทีนี้ ก็มาเก็บงานเพิ่มเติม ซึ่งจะมีในส่วนที่สีนั้นเทลงไม่หมด จะมีร่องกระดำกระด่าง ซึ่งมาจากแสงเงา ในขณะถ่ายภาพ หรือ พื้นฉากไม่สะอาด
A : เลือกแปรงที่เหมาะสม
A : กล่องเครื่องมือ ซูมให้ชัด ๆ จะได้ไม่พลาด เพราะมือผมชอบสั่น
B : เลือกขนาด และความฟุ้งของแปรงให้เหมาะสม
C : ระบายสี จุดที่มีรอยด่าง ๆ
ปล. สำหรับภาพสินค้าบางประเภท ที่มีสรีระ โค้งว้าว เช่นแสงเงาบริเวณฐาน ให้เลือกใช้ ขอบฟุ้ง เพราะจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
Ctrl+Z = Undo << หากระบายสีผิดพลาด ซึ่งผิดพลาดบ่อยในขั้นตอนนี้
เสร็จ !!!!
A : คลิ๊กที่ เมนู ไฟล์ เลือก บันทึก
กำหนดชื่อไฟล์ นามสกุลภาพ ขนาด
A : ตั้งชื่อภาพ แนะนำให้ตั้งชื่อใหม่จาก ไฟล์เดิม อย่าเซฟทับ เดี๋ยวต้นฉบับหาย นะจ๊ะ
เลือกประเภทนามสกุล JPEG ดีที่สุดแล้ว ตำราว่าอย่างนั้น
B : ขนาดของคุณภาพไฟล์ ตั้งไว้ที่ 80 กำลังสวย
C : ขนาดของภาพ ซึ่งควรจะอยู่ในราว ๆ 100 - 150 KB ก็พอแล้ว เดี๋ยวเว็บจะหนัก ทำให้โหลดช้า ลูกค้าใจร้อน เผ่นหมด นะจ๊ะ
จบ ....
เชิญชม ภาพฉบับเต็มของ Collection IRON
นี้ได้ที่ www.bagindesign.com
No comments:
Post a Comment